วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557

เที่ยวพม่าแบบบ้านๆ 2


สู่หงสาวดี
เช้าตี 5 เศษจัดการทุกอย่างที่สนามบินเรียบร้อย รอเวลาเดินทาง และในที่สุดก็ได้รับแจ้งจากสายการบินว่าเครื่องจะออกช้าไปอีก 1 ชั่วโมง จะเซ็ง บ่น เบื่อหรืออะไรก็ตาม อันนี้ไม่มีทางเลือก ก็รอและหากิจกรรมทำระหว่างรอ เราใช้กิจกรรมเดิน และเมื่อยแล้วก็กลับมานั่งอ่านหนังสือต่อ.....จนเลยเวลาที่บอกก็รอต่อ ในที่สุดก็ถึงเวลาให้ขึ้นเครื่องจนได้

เข้าเขตพม่า ภูเขา เทือกเขาสูงเต็มไปหมด
 
ถึงสนามบินเมงกาลาดอน ประมาณ  08.30 น เวลาพม่าก็ 08.00 น เขาช้ากว่าเราครึ่งชั่วโมง  รับของแล้วก็เดินเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง คนไม่มากเลยแต่รอนานก็มีการบ่นๆกันว่าทำไมช้านัก ยืนกันแถวละสิบกว่าคน ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าๆ  09.23 น ขึ้นรถบัสที่จะพาเรา 20 คน (พระ 5 รูป แม่ชี 2 รูป แล้วก็ฆราวาส 13 ) เดินทางตลอดที่อยู่ในพม่า เจอไกด์พม่าชื่อ “อ้อย” เป็นไทยใหญ่อายุประมาณใกล้ 40 ปีคล่องแคล่ว ฉะฉาน รู้ภายหลังว่ากว้างขวางพอควร เธอแนะนำคนขับ ให้เรียกเขาว่า อาโก (จริงๆน่าจะคล้ายๆว่าพี่ชาย)  อีกคนเป็นคนประจำรถ คล้ายๆเด็กกระเป๋า แต่นี่ไม่เด็กแล้ว เขาให้เรียกว่า มองเล (ในรูป..คล้ายๆว่าน้องชาย ประมาณนั้น)  อีกคนก็คนจัดการฝ่ายไทยเรียกว่า ”เล้ง” หลวงพ่อที่ไปอายุ 78 แล้ว แต่ท่านยังแข็งแรงไม่มีปัญหา  แม่ชีเสียอีกอายุราว 50  เศษ กลับเมารถ ไม่ค่อยสบายตลอด
ตอนอยู่สนามบินไทยแลกเงินพม่าไม่มีนะเชยจังเรา ต้องแลกเงินดอลลาร์ ก็เลยไม่มีเงินจั๊ด (Kyat) ใช้ เอาเงินไทยไปไม่มากตั้งใจเอาไปสำหรับทำบุญแต่ละที่เท่านั้น ไม่คิดจะซื้ออะไรกลับมา ไกด์อ้อย ให้แลกเงินบนรถในอัตรา 100 จั๊ต 4 บาท เหลือก็แลกคืนกับเธอในอัตราเดิม

พม่า(Burma) ได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น the Union of Myanmar ตั้งแต่ปี 2531 แต่ไกด์คนนี้ยังเรียกชื่อเดิม บางคนบอกว่าชาวพม่าไม่ชอบให้เรียกชื่อเดิม  อันนี้คงเป็นส่วนบุคคลแต่เขาเรียกตัวเองว่า “มยะหม่า”

ล้อหมุนออกจากสนามบิน 9.28 น พร้อมกับคำแนะนำ ข้อตกลง ของไกด์ในระหว่างอยู่ที่พม่า และกำหนดการที่ปรับเปลี่ยนไปเพื่อความเหมาะสมเรื่องเวลา แต่ที่ๆจะไปคงยังเหมือนเดิม
ทัวร์นี้ใช้รถบัสใหญ่แบบ 40 ที่นั่งมานั่ง 20 คนก็เลยสบายๆ เลือกนั่งกันเองไม่อึดอัด เรานั่งแถวหน้าที่ 3 ประจำเพราะจะได้เห็นวิวด้านหน้ารถ วิ่งไปซ้ายขวาเมื่อเห็นสิ่งที่น่าสนใจจะถ่ายรูป

วันที่หนึ่งของการเดินทาง
จุดหมายปลายทางของเราวันแรกนี้คือ "พระธาตุอินทร์แขวน" แต่ระหว่างทางก็แวะสถานที่สำคัญ รถบัสเข้าเมืองออกสู่หงสาวดีหรือเมืองพะโค (BAGO) อยู่ทางตอนเหนือของย่างกุ้ง ประมาณ 84 กม. แต่เราต้องใช้เวลาในการเดินทาง 1.30 ชั่วโมง เนื่องจากสภาพถนนบนเส้นทางที่คนพม่าบอกว่านี่คือไฮเวย์ที่ดีที่สุดของเขา แต่สภาพก็เป็นถนนแบบชนบทไทย ภาพสองข้างทางเป็นแบบท้องทุ่งไทย (ในอดีต) และการจำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. รถบัสที่ใช้นี้ค่อนข้างใหม่และพวงมาลัยซ้ายมือ สองข้างทางที่ผ่านมีแตงโมลูกใหญ่มากๆ วางขายเต็มไปหมดเขาว่าหวานมากถ้าเป็นแตงโมของเมืองสิเรียมและปลอดสารเคมีแน่นอน

การเดินทางจึงสบายๆ รู้สึกว่าคนส่วนมากจะหลับเมื่อเดินทางยาว แต่เราและ link ไม่ได้หลับตลอดการเดินทางครั้งนี้ และเราคอยถ่ายรูปตลอดทางเมื่อเจออะไรที่สนใจ จนคุณประมวลมาแอบพูดทีหลังว่า รู้สึกว่าเราสองคนนี่เที่ยวคุ้มจริงๆ สนใจทุกอย่าง แบบนี้จึงเรียกว่าเดินทางมาเที่ยว เพราะคนส่วนมากจะมาเที่ยวตามที่กำหนดถึงที่ไหนก็ตื่น ลงเดินแล้วก็ขึ้นมานอนต่อ (อันนี้เราก็ว่านานาจิตตัง เพราะความคิดชอบ วัตถุประสงค์ของการเดินทางไม่เหมือนกัน คนไทยที่ไปเที่ยวพม่าส่วนใหญ่ก็ไปไหว้พระ หรือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่านับถือกันมานับเป็นพันๆปี ส่วนของ meepole และ link นานๆเดินทางไกลที ไปไหนเลยต้องเก็บเกี่ยวตลอดสองข้างทาง ดูเหมือนงกนะ หุหุ) ท่านกอบยังแซวเลยว่าสองคนนี้มาเที่ยวหรือทำสารคดี :)

เมืองหงสาวดีมีสัญลักษณ์เป็นรูปหงษ์ตัวเมีย (ตัวเล็ก) ยืนอยู่บนหลังหงษ์ตัวผู้ ซึ่งมีเรื่องจากตำนานเล่าขาน (หาอ่านได้)
พม่าได้รับอิทธิพลของพระพุทธศาสนามาจากอินเดียที่มีพรมแดนติดต่อกันยาวหลายพันๆกิโลเมตร วัฒนธรรมของอินเดียจึงหลั่งไหลเข้ามาสู่พม่าพร้อมๆกับการเผยแผ่ ชาวพม่าจึงมีวัฒนธรรมที่ที่บ่งบอกความเป็นพม่าและยังคงรักษาไว้อยู่เช่น ภาษาพม่า พุทธศาสนา การดื่มน้ำชา ชอบการกินหมากเหมือนคนอินเดีย อาหารการกินก็มีกลิ่นเครื่องเทศ และที่เห็นได้ชัดก็คือการแต่งกายโดย ผู้ชายยังนิยมนุ่งโสร่ง ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่น สวมรองเท้าแตะ และทาแป้งตะนาคา (ทานาคา) ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปตามถนนที่รถเราขับผ่าน แต่เมื่อเจอคนรุ่นใหม่หญิงสาวที่ใส่กางเกง หรือกระโปรง ไกด์อ้อยจะหงุดหงิด ไม่ชอบบ่นในรถทันที เธออนุรักษ์วัฒนธรรมมาก

สถานที่แรกที่คณะทัวร์แวะคือ วัดไจ้คะวาย (kyakhat wine monastery) เป็นวัดแรกและวัดเดียวที่ได้พบพระสงฆ์จำนวนมากในวัด มีสิ่งน่าสนใจมากมาย.. (มีต่อ)