วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พระเทพสุธี และคณะสงฆ์ภาค 16 ร่วมถวายอาลัยสมเด็จพระพุฒาจารย์


สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) นามเดิม เกี่ยว โชคชัย เกิด 3 มีนาคม 2471 มรณภาพ 10 สิงหาคม 2556 พรรษา 64 อายุ 85 ปี เป็นพระสงฆ์มหานิกาย อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เคยเป็นผู้รักษาการแทนสมเด็จ พระสังฆราช อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในปี 2525 ได้รับตำแหน่งรองประธานสภาสงฆ์แห่งโลก เป็นพระเถระที่มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์สูงสุดของมหาเถรสมาคม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดฯ สถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ เมื่อปี 2533 มีนามตามจารึกในสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ ภาวนากิจวิธานปรีชา ญาโณทยวรางกูร วิบูลวิสุทธิจริยา อรัญญิกมหาปริณายก ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี
สมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้มรณภาพด้วยภาวะไตวายเรื้อรังและติดเชื้อในกระแสเลือดที่โรงพยาบาลสมิติเวช เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08:41 นาฬิกา คุณูปการต่อพระศาสนามีมากมายทั้ง ผลงานหนังสือ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศเกิดขึ้นได้เพราะสมเด็จพระพุฒาจารย์ โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐฯ และทวีปยุโรป อีกทั้งท่านยังเป็นประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศด้วย  วัดไทยทั่วโลกได้ร่วมจักพิธีสวดและกิจกรรมต่างๆขึ้นเพื่อแสดงความอาลัยแด่สมเด็จพระพุฒาจารย์

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมนี้ คณะสงฆ์หนใต้โดยพระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะหนใต้ และเจ้าคณะภาค ๑๖ ๑๗ ๑๘  เจ้าคณะจังหวัด และคณะสงฆ์ได้ร่วมกันไปเป็นเจ้าภาพสวดที่วัดสระเกศ และในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ พระเทพสุธี เจ้าคณะภาค ๑๖ ได้นำคณะสงฆ์ภาค ๑๖ (จังหวัดสุราษฏร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช) ไปร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระพุทธมนต์เพื่อถวายความเคารพด้วยความอาลัยยิ่งที่วัดสระเกศอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเจ้าประคุณสมเด็จเกี่ยวได้เคยมาที่สุราษฎร์ธานีหลายครั้งหลายครา ได้เคยมอบหมายให้พระเทพสุธี เจ้าคณะภาค ๑๖ ดำเนินการสร้างตึกผู้ป่วย “ตึกผู้มีพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์” ให้แก่โรงพยาบาลเกาะพะงัน โดยประทานเงินร่วมกับพุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธาในการสร้าง ...... meepole และสามีได้เคยมีโอกาสเตรียมถวายภัตตาหารง่า (ซึ่งท่านฉันอาหารง่ายๆ เช่น ฟักทองนึ่ง ข้าวโพดต้ม ผลไม้) จำได้ว่าครั้งหนึ่งตอนไปวัดไทยในมาเลเซีย ทางโน้น เตรียมอาหารอย่างดีที่สุดเป็นสารพัดหมู ไก่ เนื้อ แต่สมเด็จฯท่านไม่สะดวกฉัน ท่านก็ได้ฉันฟักทองนึ่ง ข้าวโพดต้ม และโขคดีที่เตรียมอาหารเจกระป๋องติดไป (ของสามี) ก็ได้ถวายให้ท่านฉัน สามีเคยเป็นพลขับรถ (ซึ่งซื้อใหม่เพื่อเตรียมให้ท่านนั่งสะดวก) คราวที่ท่านมาเยี่ยมตรวจวัด และรถคันนี้ยังคงเก็บไว้เป็นมงคลจนบัดนี้เกือบ 20 ปีแล้วและก็ยังคงขับได้อยู่..แม้ว่าท่านได้มรณภาพไปแล้วตามครรลองของทุกชีวิต แต่คุณงามความดี ที่ได้สั่งสมบำเพ็ญมาชั่วชีวิตก็ทำให้สมเด็จเกี่ยวจะอยู่ในใจของพุทธศาสนิกชน และคณะสงฆ์ทั่วโลก
ขอถวายอาลัยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)
ขอดวงวิญญาณสู่สุคติสวรรค์เทอญ

บน พระเทพสุธี จภ. ๑๖
 
ล่าง พระเทพสุธี และพระเทพพิพัฒนาภรณ์ (จจ.สุราษฎร์ธานี)
 
 
ล่าง คณะสงฆ์ภาค ๑๖ ที่มาร่วม
 
 
 
 
บน พระเทพสุธี กรวดน้ำอุทิศกุศลถวาย
 
 
บน ล่าง คณะสงฆ์ภาค ๑๖ ที่มาร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระพุทธมนต์ถวาย
 
 
ล่าง
พระพรหมสุธี (เสนาะ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และพระเทพสุธี จภ ๑๖

 

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

บูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ


 
พระบรมสารีริกธาตุ
 
วันนี้ meepole มีบุญที่เกิดมาชาติหนึ่งแล้วได้มีโอกาสไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมด้วยพระอรหันตธาตุ พระธาตุ พร้อมกันทีเดียวถึงกว่า 200 องค์ ได้เดินเวียน 3 รอบ พร้อมอธิษฐาน หากต้องเกิดในภพชาติใดทุกภพชาติขอให้ได้เกิดภายใต้บวรพระพุทธศาสนา ขอให้นับถือพระพุทธศาสนา ขอให้มีกัลยาณมิตรและบริวารที่มาช่วยกันทะนุบำรุงพระศาสนา

ภพชาตินี้บวชเป็นพระไม่ได้ แต่เราสามารถช่วยกันทะนุบำรุง และสืบทอดด้วยการศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอน พยายามขัดเกลาจิต เช็ดกระจกชีวิตให้ฝุ่นหลุดออกไปในแต่ละวัน วันนี้เลยเป็นวันมีมงคลชีวิตอีกวัน ได้ร่วมทำบุญ ปัจจัยที่ใส่กล่องท่านกอบจะเอาไปตั้งกองทุนอาหารเลี้ยงพระเณรที่มาเรียนบาลีในวัด..อนุโมทนาร่วมกัน (นำรูปมาให้ดูกัน)

พระบรมสารีริกธาตุ (อังกฤษ: Śarīra; สันสกฤต: शरीर) เรียกโดยย่อว่า พระบรมธาตุ คือ ส่วนต่างๆ ของร่างกาย (กระดูก) ขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ศาสดาแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งพระองค์ได้อธิษฐานไว้ก่อนปรินิพพาน ให้คงเหลือไว้หลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธบริษัท

โดยพระบรมธาตุขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีสองลักษณะ คือ พระบรมธาตุที่ไม่แตกกระจาย และที่แตกกระจาย มีขนาดเล็กสุดประมาณเมล็ดพันธ์ผักกาด
ชาวพุทธเชื่อว่าพระบรมสารีริกธาตุเป็นวัตถุแทนองค์พระบรมศาสดาที่ทรงคุณค่าสูงสุดในพระพุทธศาสนา จึงนิยมกระทำการบูชาองค์พระบรมสารีริกธาตุโดยประการต่าง ๆ เช่น การสร้างพระมหาธาตุหรือองค์พระสถูปเจดีย์ เพื่อประดิษฐานไว้สักการะ โดยเชื่อว่ามีอานิสงส์ประดุจได้กระทำการบูชาแด่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อยังทรงพระชนม์อยู่

ทั้งนี้ คำว่า "พระบรมสารีริกธาตุ" เป็นศัพท์เฉพาะใช้เรียกเฉพาะพระบรมธาตุ (กระดูก) แห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า หากเป็นของพระอรหันตสาวกจะเรียกว่า "พระธาตุ" เท่านั้น ..จาก http://th.wikipedia.org/

 




 
บน-ล่าง พระครูศรัทธาโสภิต และคณะกำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่
 
 
 
บน-ล่าง พระเทพสุธี กล่าวคำบูชาพระบรมธาตุ
 
 
รดน้ำพระบรมธาตุ
 
 
บน  บูชาพระเจดีย์ประจำวันเกิด
ล่าง พระอรหันต์ธาตุของพระสงฆ์ จำนวนมาก
 

 
  รูปพระอรหันตธาตุ บนซ้าย พระสิวลี

 

บน  พระอัญญาโกณทัญญะ พระโมคคัลลานะ และพระสารีบุตร ตามลำดับ
 
 

บน  หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า
 
 ล่าง ทั้งพระสงฆ์ทั้งฆราวาส ต่างแปลกใจเพราะได้รู้จักลป.เริ่ม วัดบางน้ำจืดก็ในงานนี้
 
 
 
 
ขอน้อมคารวะ บูชาในการบำเพ็ญเพียรทางธรรมของพระอรหันต์ทุกพระองค์
 
ในงานยังมีพระธาตุอีกมากมายให้ศึกษาและบูชา และอย่าลืมน้อมนำคุณความดีของพระอรหันต์เหล่านั้นมาเป็นข้อเตือนใจตนให้เร่งเพียรทำสิ่งที่ดี ถูกต้อง เพราะชีวิตนี้ไม่เที่ยง
 

 

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ต่างมอง ต่างมุม..ใบไม้ 1 ใบ


 
จากกระแสการออกมาเปิดเผยถึงชีวิตรักหลังสึกของอดีตพระมิตซูโอะ คเวสโกหรือมิตซูโอะ ชิบาฮาชิกับ นางสุทธิรัตน์ มุตตามระ  กลายเป็นประเด็นที่สังคมจับจ้อง........เส้นทางธรรมที่ขาวสะอาดและเต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธาของชาวพุทธ กับชีวิตทางโลกที่สังคมให้ความสนใจ การอยู่ในศีลธรรมตามพระวินัยในช่วงชีวิตภายใต้ผ้าเหลืองที่กินเวลายาวนานถึง 38 พรรษานั้นกลายเป็นแบบอย่างอันดีงามนำมาซึ่งความศรัทธาที่มีต่อทั้งตัวท่านเอง และหลักธรรมที่ท่านเผยแผ่จนได้ฉายาว่า ซากุระที่ผลิบานเป็นดอกบัว" (http://manager.co.th)

 ปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนแปลงสถานะของตัวเองจากพระเป็นคนธรรมดาของอดีตพระชื่อดังชาวญี่ปุ่น  เมื่อชีวิตของท่านเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน จากนักบวชกลับเป็นปุถุชนนำมาซึ่งกระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปในหลายทิศทางมีทั้งเกลียดชัง โกรธแค้น ไม่ชอบ สงสัย เข้าใจ ให้อภัย เฉยๆ นานาทัศนะ และความรู้สึก ที่แสดงความคิดเห็นต่อท้ายกันในโลกโซเชียล meepole ก็ได้ดูภาพและฟังเสียงจากสื่อโทรทัศน์ อ่านจากสื่อต่างๆ ก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆที่มีความรู้สึกต่อเรื่องนี้ในฐานะเป็นพุทธศาสนิกชนที่ได้มีการศึกษาธรรมะมาในระดับหนึ่ง ก็ทำให้มีมุมมองทั้งในฐานะที่เป็นฆราวาสทั่วไปที่เข้าใจว่าทำไมคนส่วนมากจึงไม่ชอบการกระทำของคนทั้งคู่...หากมองในลักษณะที่เอาหลักธรรมมาจับก็คงต้องวาง เมื่อถึงเวลาที่เจ้ากรรมนายเวร มารผจญ หรือเวลาที่เราจะหมดบุญในสถานะหนึ่งๆ หากเราไม่เข้มแข็ง ไม่ใคร่ครวญพิจารณาโดยใช้สติ มากกว่าอารมณ์  มันก็พ่ายแพ้แก่มารได้เช่นกัน  ในพระไตรปิฎกก็มีพระภิกษุที่พ่ายแพ้ต่อมารที่มาผจญและลาสิกขาบทออกไป บวช สึก หลายครั้งเช่น พระจิตตหัตถะเถระ ซึ่งในที่สุดก็รู้ว่าอะไรเป็นวิถีทางที่ถูกต้อง  ในกรณีนี้ของอดีตพระมิตซูโอะ คเวสโกอาจไม่ได้ที่จิตแน่วแน่ ทำให้ไม่สามารถเอาชนะมารที่เข้ามาได้ และอาจไม่มีกัลยาณมิตรทางธรรมที่เป็นที่ปรึกษาก่อนตัดสินใจ เรื่องจึงออกมาเป็นเช่นนี้

โชนรังสี เฉลิมชัยกิจ กรรมการผู้จัดการสำนักพิมพ์สุขภาพใจมองว่า การเลือกทางเดินในชีวิตของมิตซูโอะนั้น ไม่ผิด
เราต้องเคารพในความคิดของคนคนหนึ่ง ชีวิตเขาไม่ใช่ของเรา เชื่อว่าสิ่งที่ท่านเคยสอนเป็นธรรมะตามธรรมชาติเป็นเรื่องที่ช่วยสังคมได้ มันก็ยังเป็นสิ่งที่มีความงามอยู่ งามอย่างไรก็งามอย่างนั้น

หากมองอีกมุมหนี่งในทัศนะของสงฆ์รูปหนึ่งที่เป็นที่รู้จักและท่านกล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ..พระพยอม กล่าวว่า “มิตซูโอะรบมา 38 พรรษา แต่มาพ่ายแพ้ให้กับสีกาคนนี้ ภาษาธรรมะเรียกว่า ผู้ตายจากความเป็นพระ เป็นตาลยอดด้วนที่มีแต่วันเฉาตายไป บางทีเหมือนไม่รับความจริง อ้างว่าเคยเจอกันแต่ชาติปางก่อน บุพเพสันนิวาส แล้วอยู่ใกล้ชิดกันจน....... ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้น อันดับแรกต้องโทษมิตซูโอะที่ไม่ระวังตัวให้ดี อันดับ 2 ตัวผู้หญิงที่ตามไล่บี้ เรียกว่าเจตนามีความต้องการ เสียดายพระอย่างนี้ควรเอาไว้เป็นส่วนกลาง ไม่ควรเอาเป็นส่วนตัว คนวัยอย่างนี้น่าจะอยู่สืบศาสนามากกว่าไปสืบพันธุ์ ซึ่งภาษาหลวงพ่อปัญญา บอกว่า "ตายซะในการต่อสู้ ดีกว่าอยู่อย่างคนแพ้"  และการออกมาเปิดตัวเรื่องราวชีวิตรักของพระมิตซูโอะครั้งนี้เท่ากับเป็นการเปิดแผลให้บรรดาลูกศิษย์ที่ให้ความเคารพนับถือแย่ลงไปอีก ทั้ง ๆ ที่มีทีท่าว่าจะลืมไปได้แล้ว แต่มาเผลอพูดเรื่องตะกายสวรรค์ แทนที่จะทำกันแบบเงียบ ๆ ถ้าเขียนหนังสือก็ควรเขียนเงียบ ๆ ไม่ควรเอาภาพหวานแหววมาลงหนังสือธรรมะ ยิ่งเป็นหนังสือธรรมะของผู้แพ้.............”
(http://hilight.kapook.com/view/92108)

ขณะที่ พระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องของมิตซูโอะควรจะจบได้แล้ว เพราะการที่ออกมาพูดเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องเสียตัวเมื่อไร ไปทำอะไรที่ไหนมาบ้างนั้น ตนถือว่าไม่เหมาะสม และควรจะหยุดพูด เพราะยิ่งพูดมีแต่ยิ่งเสีย คนก็จะเสื่อมศรัทธายิ่งขึ้นไปอีก และที่สำคัญอยากจะวิงวอนสื่อไม่ควรสัมภาษณ์อะไรอีก เพราะถ้ายังให้ความสนใจก็จะเป็นการส่งเสริมหรือเป็นการโปรโมทหนังสือของเขา ส่วนตนเห็นว่าไม่ควรช่วยกันส่งเสริม และอยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

ส่วนทางด้าน พระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เจ้าคณะภาค 12 เผยว่า เรื่องเสียความบริสุทธิ์นั้นไม่ควรจะออกมาพูด แม้แต่ชาวบ้านเขาก็ไม่พูดกัน เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวมาก ๆ นอกจากนี้ พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร) จนฺทสาโร รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ก็ออกมาพูดเช่นเดียวกันว่า มิตซูโอะเป็นคนต่างประเทศที่มาบวชและเป็นลูกศิษย์คนแรกของหลวงพ่อชา เป็นนักบวชที่มีชื่อเสียง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น สังคมไทยรู้สึกช็อกว่าทำไมพระที่บวชมาถึงขนาดนี้จึงตัดสินใจสึก ซึ่งสาเหตุก็มาจากสตรีเพศ และช็อกต่อรองสอบ เมื่อท่านออกสื่อกับภรรยาอย่างไม่เก้อเขิน อีกทั้งหนังสือทั้งสองเล่ม ก็ยังมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โดยตนมองว่าสังคมไทยรับการกระทำและการแสดงออกของท่านได้ยาก
(http://hilight.kapook.com/view/92187)

ดังนั้นก็อย่าไปซ้ำเติมอะไร เพราะต่างคนต่างมุมมอง ต่างความคิด การยึดติด ศรัทธาในตัวบุคคลมากเกินก็ทำให้ผิดหวังมากเป็นธรรมดาของปุถุชนได้ ชีวิตของเขาก็ต้องดำเนินต่อไปไม่ว่าถูกต้องหรือผิดพลาดที่ทำมาแล้ว ก็จะส่งผลต่อชีวิตเขาที่เหลืออยู่ ไม่ว่าเขาจะแก้ตัว แก้ต่าง อธิบายยังไงก็ไม่มีใครเข้าใจความจริงได้ เท่าตัวของพวกเขาเอง กุศลกรรม อกุศลกรรม จะตามติดพวกเขาเหมือนเงาตามตัว   เราเองอย่าทำให้ตัวเราต้องติดบาปกรรมไปเพราะความไม่รู้จริงของเราเช่นกัน ที่สำคัญตอนนี้เราคนพุทธก็ยังคงมีพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เป็นหลักในการดำเนินชีวิต มีพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบให้เรากราบไหว้ เป็นแบบอย่างที่ดี และศึกษาธรรมะจากท่านอีกมากมาย ท่านที่สึกไปก็เป็นเพียงใบไม้ 1 ใบ ในป่าใหญ่ที่ถูกปลิดออกไป ก็เท่านั้นเอง........

คำของท่านอาจารย์พุทธทาสบอกว่าดูให้ดีมีแต่ได้ ความหมายคือ มองให้เห็นความจริงที่เกิดขึ้น แล้วใช้มันเป็นบทเรียนในการดำเนินชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเราเองหรือคนอื่น