วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ความฝันอันสูงสุด

 

เช้านี้ดูรายการ ดนตรี กวี ศิลป์ ไทยพีบีเอส  มีความสุขจากการได้ฟังเพลงเย็นๆ เพลงเงาไม้ กับเสียงไวโอลิน ชื่นใจมาก ที่ปลื้มคือ มีตัวแทนคุณสันติ ลุนแผ่ ได้แล้ว หลังที่เคยห่วงว่าวันหนึ่งที่คุณสันติสูงอายุมากจนไม่สามารถร้องเพลง ความฝันอันสูงสุด ที่ต้องใช้พลังเสียงมากทีเดียวแล้ว ใครจะร้องได้แบบนั้นอีก วันนี้ได้ฟัง คุณกิตตินันท์ ชินสำราญ (วงดุริยางค์แห่งมหาวิทยาลัยรังสิต) ร้อง สะดุดใจว่าเสียงเหมือนคุณสันติ เลยหันไปดู แล้วแอบประทับใจว่านอกจากเสียงกังวาล มีพลังแล้ว เพลงนี้ต้องมีอารมณ์ร่วมรักชาติ รักแผ่นดิน ต้องใส่ความรู้สึกในอารมณ์ และคุณกิตตินันท์ทำได้ดีมาก ....ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ฟังอีก ไม่แน่ใจว่ามีอัดแผ่นขายหรือไม่ จะลองหาดู....ขอบันทึกเพลงนี้ไว้ แค่ทหารที่เสียสละชีวิต และความสุขเพื่อแผ่นดิน และคนไทยผู้รักแผ่นดินแม่ทุกคน

 

ความฝันอันสูงสุด
 
ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู่ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง


จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา


ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป


นี่คือปณิธานที่หาญมุ่งหมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน


โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย

 
ความฝันอันสูงสุดที่อยากให้เป็นจริงคือ ให้คนไทยรักสามัคคีกันเหมือนในอดีตอันนานมา..ไม่มีแบ่งสี แบ่งภาค  ประเทศปลอดสงครามทุกรูปแบบ สงบสุข ไม่มีคอรัปชั่น ลดความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ลดการเป็นทาสของความอยาก  ดำรงชีวิตตามทำนองคลองธรรมให้มากขึ้น กลับมามองตัวตนของตน ตระหนักว่าเกิดมาทำไม เกิดมาแล้วทำประโยชน์แก่สังคม แก่แผ่นดินบ้างหรือไม่ หรือเอาแต่แสวงหาสิ่งที่เอาติดตัวไปไม่ได้ไม่รู้จบสิ้น
 





วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วรรณรูป-อย่าเห็นแก่ตัว

"วรรณรูป-อย่าเห็นแก่ตัว"
"ความเห็นแก่ตัว เป็นบ่อเกิดของความชั่วทั้งปวง"

ด้วย meepole กำลังเตรียมเอกสารสอน ได้ดูรายการศิลป์สโมสร เชิญ “ทยาลุ นักเขียนวรรณรูป” (เจริญ กุลสุวรรณ) เพิ่งรู้เช่นกันว่าเขาเป็นคนเขียนข้อความ “อย่าเห็นแก่ตัว” เลยสนใจหยุดฟัง เห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจ เลยอยากรู้จักผู้นี้มากขึ้น ค้นอ่านเรื่องราว มีหลายคำพูดที่มีประโยชน์ ให้ข้อคิด คำสอนได้ดี เลยเอามาเก็บไว้ และสนใจติดตามได้ที่อ้างอิงไว้ (วรรณรูป หมายถึง อักษรภาพ )

"ตอนนี้มนุษย์โลกมองตากันด้วยความมีอะไรแอบแฝง จะฉกฉวยผลประโยชน์ จะเอาให้ตาย จะทำลายให้พินาศ ต่างจากปู่ย่าตายายเรา ซึ่งสนิทแนบอยู่กับพุทธศาสนา มองตากันแบบ เขาคือเพื่อนมนุษย์"

"วันนี้เรามองอย่างนั้นกี่เปอร์เซ็นต์ เห็นเพื่อนมนุษย์เป็นเหยื่อบ้าง เป็นศัตรูบ้าง บางคนไม่เคยเจอกัน เห็นหน้ากันก็โกรธกันจะเป็นจะตาย ชิงชัง อยากทำลาย ดูหมิ่น ยังไม่ทันคุยกันเลยนะ ไอ้นี่คบไม่ได้ ตัดสินไปแล้ว เพราะเราไม่มีวัฒนธรรมปู่ย่าตายายไว้ในจิตของเรา ว่ามนุษย์ทั้งหลายคือเพื่อนของเรา อย่างน้อยก็เพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย"

ที่ถูกใจ meepole มากคือ คำพูดของคุณเจริญที่ว่า

  “........แอบคิดอยู่คนเดียวนะว่าวรรณรูปชุดนี้ ต่อไปมันจะมีปฏิกิริยา มันจะปลุกกระแสสังคม แต่ไม่เคยขยายความ วันหนึ่งข้างหน้าจะมีคนหยิบ 2 ภาพนี้ไปวิจารณ์คู่กับโมนาลิซ่า ภาพ 2 ชุด อะไรให้สติปัญญา ให้ดวงตามากกว่ากัน"

ข้างต้นนี้ให้แง่คิดสะท้อนอะไรๆได้ดีและชัดเจน คนส่วนมากให้ค่า กับภาพศิลปะที่คิดกันไปเองว่า “ไช่” ทั้งๆที่บางคนอาจคิดไปด้วยซ้ำว่างั้นๆล่ะ แต่ต้องเสแสร้งว่าเป็นศิลปะชั้นเลิศ ไม่งั้นจะถูก...มองว่า “เชย” กับศิลปะที่สอนให้เกิดสติ เกิดปัญญา แบบนี้ไม่ให้ค่าทั้งๆที่มันตีค่าไม่ได้ด้วยซ้ำหากไปโดนใจใครเข้าเห็นแล้วและได้สติ เกิดปัญญากันมาเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นได้

"...เหมือนที่พระอาจารย์พุทธทาสเคยสอนไว้ ทุกครั้งที่กระทบ ให้จบลงด้วยความฉลาด"

อ้างอิง และที่มา http://www.bangkokbiznews.com