วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

เงินซื้อความสุขได้ แต่.....


 

เราคงเคยได้ยินที่ใครๆพูดว่า เงินซื้อความสุขไม่ได้ เงินซื้อความสุขไม่ได้ เงินเป็นแค่ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรามีชีวิตรอดในโลก แต่ก็ไม่ได้การันตีความสุข

 มีคำพูดอีกมากมายที่ยกตัวอย่างสิ่งที่เงินซื้อได้ และซื้อไม่ได้เช่น

เงิน ซื้อบ้านได้ แต่ซื้อความอบอุ่นไม่ได้
เงิน ซื้อเตียงได้ แต่ซื้อการนอนหลับไม่ได้
เงิน ซื้อยาได้ แต่ซื้อสุขภาพไม่ได้
เงิน ซื้อหนังสือได้ แต่ซื้อความรู้ไม่ได้
เงิน ซื้อตำแหน่งได้ แต่ซื้อความนับถือไม่ได้
เงิน ซื้อความประจบสอพลอได้ แต่ซื้อความจริงใจไม่ได้...และอื่นๆอีกมากมาย

ลองอ่านเรื่องของ meepole แล้วอาจมีความคิดเห็นด้วยกับ meepole  ว่าเงินซื้อความสุขได้ แต่......

เมื่อหลายวันก่อนมีเหตุการณ์ที่ทำให้ meepole ได้คำพูด ข้อคิดใหม่ไปสอนเด็ก...

ประมาณทุ่มเศษกำลังขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางก็แวะร้านขายยาซื้อน้ำเกลือให้หมาที่บ้าน  รถไปจอดเทียบข้างฟุตบาท จอดตรงหน้ารถเข็น ไฟหน้ารถสาดส่องไปที่ใบหน้าของหญิงวัยค่อนข้างชรา กะประมาณจากสายตาน่าจะ 60 up อาจไกล้ 70 ประมาณนั้น เธอหันหน้ามามอง  meepole มองเห็นใบหน้าเธอ และควงตาที่เหมือนเธอจะคิดว่า มาจอดทำไมตรงนี้  และเมื่อลงจากรถ meepole ก็มองเห็นเธอผู้นั่งบนฟุตบาทถนน พร้อมรถเข็นเก่าๆที่มีกล้วยหลากหลายชนิดวางอยู่ เป็นระเบียบ แต่meepole ไม่ได้คิดจะซื้อกล้วย และไม่รู้จะซื้อไปไหน มองเห็นตาเธอตอนนี้เหมือนกับว่าเธอไม่แน่ใจว่า meepole จะเดินลงมาเพื่อจะซื้อกล้วยของเธอไหม นัยน์ตามีความคาดหวัง meepole มองเธอแล้วอมยิ้ม และเดินเลี้ยวในทิศตรงข้ามเพื่อเดินเข้าร้านขายยา สักครู่เดินกลับออกมา มองเห็นร้านรองเท้าที่วางแผงออกมาเป็นรองเท้าแตะ นึกได้ว่ารองเท้าแตะทุกคู่ถูกเจ้าตัวซน 2 ตัวที่ปากคันกัดหมดแล้ว ก็เลยซื้อเพิ่มแล้วเดินขึ้นรถ กำลังก้าวขึ้นรถยายก็มองมาอีก แล้วหันกลับ meepole ก้าวขึ้นรถ สามีสตารท์รถ ไฟสาดส่องไปที่ใบหน้าของเธอ meepole เห็นใบหน้าของความเหนื่อยล้า ที่มองเหม่อออกไป รู้สึกอะไรบางอย่าง เลยบอกสามีว่าอย่าเพิ่งออกรถ ขอไปซื้อกล้วยก่อน เขาก็แปลกใจเพราะปกติ meepole จะไม่ซื้อกล้วยเลย เพราะหลังบ้านก็มีต้นกล้วยออกผลมา 90 % ให้กะรอกกินมากกว่าที่คนจะกิน บางครั้งหากเครือสวยก็เอาไปถวายพระ ให้เพื่อนบ้านบ้าง แต่ครั้งนี้จะลงไปซื้อกล้วย เขาจึงถามว่าซื้อกล้วยไปทำอะไร meepole ไม่ได้ตอบแต่ลงไป อีกครั้ง ยายมองมา meepole ถามว่ามีกล้วยหักมุกไหม เพราะเป็นชนิดเดียวที่ชอบกิน ยายตอบไม่มี meepole ไม่ได้สังเกตในน้ำเสียงนั้น เพราะมัวสนใจมองว่าจะซื้ออะไรบนรถเข็นนั้นได้บ้าง เดินอ้อมมาด้านหน้าก็เลือกเอากล้วยเล็บมือนาง ที่วางไกล้มือยายหยิบง่าย หวีไม่ค่อยสวย แต่ไม่คิดว่าจะเอาไปกินเอง คิดในใจว่าซื้อไปเลี้ยงนกและกะรอกที่มาทุกวัน.......ถามยายว่า “กี่บาทจ๊ะยาย” เมื่อยายตอบ meepole ได้ยินเสียงยาย รู้สึกทันทีว่ายายคล้ายคนเป็นใบ้ที่พอออกเสียงพูดได้ หรือไม่ก็ลิ้นแข็งมาก meepole พยายามฟังและทำหน้ายิ้มเป็นปกติ ตั้งคำถามใหม่ว่า “กล้วยเหล่านี้เอามาจากไหน” ยายคงฟังไม่ชัด เลยหัวเราะตอบเราว่า “เอาบ่มใส่ตุ่มไว้ให้สุก” meepole หยิบเงินให้ยาย ยายยิ้มหวานแล้วบอกด้วยเสียงสั่นอ้อแอ้ว่า  “ขอบใจนะ” รอยยิ้มดีใจของยายที่ขายได้นั้น ทำให้ meepole มีความสุขนัก เดินมาขึ้นรถมองไปที่ยายที่ขยับจัดกล้วยใหม่  ความรู้สึกในดวงตาละใบหน้าของยายเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ meepole บอกสามีว่า meepole เห็นดวงตาที่รอคนมาซื้อ และใบหน้าที่เหนื่อยล้า meepole คงปล่อยให้ใบหน้านั้นติดตา ติดความรู้สึกกลับบ้านไปไม่ได้ อย่างน้อยให้เธอได้ขาย และเธอมีความสุขกับการได้ขายสินค้า หากว่าคืนนี้เธออาจจะขายไม่ได้เลยเพราะค่ำแล้ว เธอก็ยังขายได้ตั้ง 1 หวี และเงินน้อยนิดนั้นคงทำให้เธอมีความหวังกำลังใจที่จะขายในวันต่อๆไป... สิ่งที่เรารู้สึกทันทีเมื่อยายยิ้มและกล่าวขอบใจนะ (อาจขอบใจที่ซื้อของ และขอบใจที่ไม่ต่อราคา) คือ ความสุข...meepole บอกสามีในรถว่า นี่คือความสุขที่ซื้อได้ ชื้อสุขให้ผู้อื่นมีความสุข ซื้อเพื่อสร้างกำลังใจให้เขาสู้ชีวิตต่อไป
นี่คือสิ่งที่พวกเราทุกคนทำได้ไม่ลำบากเลย ดังนั้นหากวันใดที่ท่านเห็นคนสูงอายุขายอะไร ก็ช่วยกันอุดหนุน ซื้อไปเถอะ ให้เขามีความสุขที่ขายได้ มีความหวัง และใครจะรู้ได้ว่า วันนั้นเงินที่ขายได้อาจมีเพียงธนบัตรใบนั้นของเราที่ช่วยให้เขากลับบ้านอย่างมีความสุข หรือมีเงินสำหรับสิ่งจำเป็นอะไรสักอย่าง อย่าเดินผ่านใบหน้าที่เหนื่อยล้า ดวงตาที่มีความคาดหวังนั้นไปเลยนะคะ แล้วเราจะรู้สึกสุขใจมากกว่าของที่เราได้มาเสียอีกค่ะ

เงินซื้อความสุขได้ แต่....ใช้ซื้อความสุข สร้างความหวัง และกำลังใจให้ผู้อื่น  สิ่งที่เราได้กลับก็คือ ปิติสุขที่ยิ่งกว่า