วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กลัวความตาย ?


เรื่องของเรื่อง....วันนี้ meepole มีนัดไปไปท่านเที่ยงกับกลุ่มเพื่อนเก่า ที่แก่มาด้วยกัน เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มนี้เขากลัวตายมาก จนเครียด นอนไม่หลับจนต้องทานยานอนให้หลับ ขนาดวันนี้ตั้งคำถามกับเราว่าทำยังจึงไม่ต้องตาย ?? เราเลยถามว่ามีตัวอย่างรู้ว่ามีใครที่ไม่ตายแล้วหรือยัง และ  ..  http://meepolen2.blogspot.com/2013/05/12-may.html

..........ดูอาการเพื่อนแล้วน่าเป็นห่วง อยากจะช่วยให้เขาคิดถูก เข้าใจความจริงของชีวิต กินได้ นอนหลับไม่ต้องพึ่งยา.คิดไม่เป็น ก็เย็นไม่ได้  คิดไม่ถูกทาง วางไม่ถูกที่ ชีวีก็ทุกข์ เนอะ!! meepole ก็ไม่รู้ว่าในโลกนี้ยังมีคนที่กลัวการตายมากขนาดนี้อีกไหม แต่ยังไงๆก็ตามไม่ว่าจะกลัวตายมากหรือน้อย ก็ต้องทุกข์ไปจนกว่าถึงเวลาตาย...หากคิดเป็น คิดถูก เมื่อใดก็พ้นทุกข์ meepole ก็เลยขอเอาบทกลอน ข้อคิดดีๆมาฝากใครที่มีเพื่อนกลัวความตาย จะได้เอาไปบอกต่อ ขยายความ....แท้จริงแล้วที่สำคัญคือ ตายอย่างไรไม่ให้ตาย ต่างหากที่ควรคิดคำนึง ในอดีตที่ผ่านมาเรามีคนดีๆมากมายที่ไม่เคยตาย เช่นพระเจ้าตากสินมหาราช พระนเรศวรมหาราช  ท้าวสุรนารี ฯ

และจะดีมากขึ้นหากเราแปลงความกลัวตายนั้นให้กลายเป็นความรู้เท่าทันและเป็นเครื่องเตือนสติให้รีบสร้างสมคุณความดี จริงๆแล้วการนึกถึงความตายจะช่วยทำให้เราขวนขวายในสิ่งที่เราชอบผัดผ่อน ผัดวันประกันพรุ่ง และปลดเปลื้อง ละวางในสิ่งที่เราชอบยึดติด

ความตายจะมาเมื่อไรเราไม่รู้ ไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ เราจึงไม่ควรประมาท เราควรจะใช้เวลาที่มีอยู่อย่างมีความหมาย ใช้เวลาแต่ละนาทีไปอย่างมีประโยชน์ การเที่ยวหาความสนุกสนาน ตระเวณไปตามอโคจรสถาน อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป ครอบครัว การทำความดี การฝึกฝนจิต เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
         


 
ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้รจนาไว้ในบทกวีชื่อ “ผู้ดับไม่เหลือ” (ตอนท้าย) ว่า

เมื่อเจ็บไข้ ความตาย จะมาถึง
อย่าพรั่นพรึง หวาดไหว ให้หม่นหมอง
ระวังให้ ดีดี นาทีทอง
คอยจดจ้อง ให้ตรงจุด หลุดได้ทัน
 
หนึ่งนาที สุดท้าย อย่าให้พลาด
ตั้งสติ ไม่ประมาท เพื่อดับขันธ์
ด้วยจิตว่าง ปล่อยวาง ทุกสิ่งอัน
สารพันนั้น ไม่ยึดครอง เป็นของเรา
 
ตกกระได พลอยกระโจน ให้ดีดี
จะถึงที่ จุดหมาย ได้ง่ายเข้า
สมัครใจ ดับไม่เหลือ เมื่อไม่เอา
          ก็ดับเรา ดับตน ดลนิพพาน
 
 
 
 

 



ดังนั้นใครมีภาระหน้าที่อะไรที่ควรทำ ก็อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ควรเร่งทำความดีทุกประการ (บุญกิริยาวัตถุ10) พร้อมกับละอกุศลทั้งปวง (อกุศลกรรมบถ10) ตามกำลังสติปัญญาของตน จะได้เป็นผู้ที่ไม่ประมาทต่อความตาย ที่จะมาเยือนได้ทุกเมื่อ ดังกวีนิพนธ์บทหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าที่กล่าวไว้ว่า
เห็นกันอยู่เมื่อเช้า สายตาย
สายอยู่สุขสบาย บ่ายม้วย
บ่ายชื่นรื่นรวยราย เย็นดับ ชีพแฮ
เย็นเล่นกับลูกด้วย ค่ำม้วยอาสัญ
อ่านทั้งหมดนี้แล้ว ตระหนัก เช้าใจ และปล่อยวางได้ ก็จะได้เป็นผู้เตรียมพร้อมก่อนตายได้อย่างแท้จริง