วัดไจ้คะวาย
วัดไจ้คะวายเป็นสถานศึกษาพระปริยัติธรรม คล้ายกับวิทยาลัยสงฆ์ในบ้านเรา
แต่พระที่มาเรียน มาศึกษาจะต้องอยู่ประจำที่นี่ เหมือนเป็นโรงเรียนกิน-นอนในสมัยก่อน
จึงเป็นวัดเดียวที่ได้พบพระสงฆ์จำนวนมาก
เราไปถึงวัดไจ้คะวายราว
11 โมง จริงๆแล้วควรจะต้องไปตักบาตรและถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่เจ้าอาวาส
แต่เพราะเราไปสายจึงไม่เหมาะ รออยู่ไม่นานก็เห็นพระพม่าเป็นจำนวนมากเดินเรียงแถวออกมาจากด้านหลัง
เพื่อรับบิณฑบาตจากนักท่องเที่ยวด้วยข้าวสวยที่ทางวัดเตรียมไว้ ตอนเราไปถึงมีคนมาประมาณ 30-40 คนน่าจะเป็นคณะทัวร์เช่นกันอมายืนรอและกำลังยืนสวดมนต์อยู่
(น่าจะเป็นภาษาจีนนะ) เมื่อลงจากรถบัสก็จะมีเด็กๆมาเร่ขายดอกไม้ ข้าวโพดต้ม กับข้าวและข้าว เราเลือกซื้อข้าวโพดและส้มแทน (ที่นี่พม่าแปลกข้าวสวยและกับข้าว เขาใส่ถุงกอบแกบเล็กๆ ใส่ตรงเลย ดูไม่น่ากิน จะขายเราชุดละ 1000 จ๊ด อันนี้กำไรเกินร้อยแล้ว เมื่อเทียบกับคุณภาพและปริมาณ) (มารู้เอาภายหลังว่าสิ่งของที่คนไทยนำมาถวายพระในวันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นข้าวของเครื่องใช้เพื่อการศึกษาเช่นสมุด ปากกา ดินสอ อาหารแห้ง บางคนก็ถวายเงินตามศรัทธา บางคนถวายเงินเป็นค่าข้าวสารจำนวน1 กระสอบ) อันนี้เราไม่รู้มาก่อน ก็แอบเสียใจลึกๆ ไม่ยังงั้นจะขนมาเพียบ นี่ก็เป็นอะไรที่เราติดลบ 2 ให้ไกด์อ้อย ดูเธอไม่ค่อยสนใจเรื่องการทำบุญนัก
เมื่อพระเดินออกมา
แถวยาวมาก คำนวณด้วยตาที่ท่านเดินผ่านวันนั้นว่าประมาณไม่ต่ำกว่า 500 รูป เณรมากจริงๆ เราเอาช็อคโกเล็ตที่ติดตัวไปใส่บาตร และเอาเงินไทยที่เตรียมไปใส่ในบาตรแทน
ตอนนั้นยังไม่ได้แลกเงินพ่ม่า
แต่คนขายของที่นั่นเจอทัวร์ไทยมามากมายแล้วรู้จัดเงินไทยเป็นอย่างดี
และพอใจเงินไทยมากด้วย เราไม่ได้เข้าไปตรงที่พระนั่งฉันเพราะไกด์เขาเร่งรีบเนื่องจากปลายทางยังอีกไกล..
ระหว่างยืนรอก็ได้ถ่ายภาพที่เห็นระหว่างทางเดิน มองไปบนแนวทางเดินเห็นป้ายอักษรพม่าติดบนเพดานเป็นระยะ คาดเดาว่าเป็นคำสอน พุทธวจนะ หรืออะไรประมาณนั้น ถามไกด์อ้อยว่าเขียนว่าอะไร เธอแค่บอกว่าเป็นคำสอน ไม่พูดอธิบายหรือบอกอะไรที่เป็นประโยชน์มากว่านั้น ก็พอดูออกอีกเรื่องว่าเธอไม่ค่อยสนใจเรื่องเหล่านี้
เห็นรูปปั้นคงเป็นที่ระลึกถึงใครสักคนที่มีคุณ เสียดายที่อ่านไม่ออก มองรอบๆไม่มีใครที่เห็นว่าจะถามได้
เฮ้อ!!
ที่เราสนใจคือไห หรือตุ่มเล็กๆ 2 ใบที่วางอยู่ ก็เดาว่าคงเป็นที่ใส่น้ำ แปลกใจเชิงบวกบ้างแต่เก็บไว้ในใจ เรื่องตุ่มไหนี้มีเขียนต่อ....
เดินทางกลับเข้ามาในเมืองอีกครั้งเพื่อทานอาหารเที่ยง
ทริปนี้มีพระไปด้วยดังนั้นมื้อเที่ยงจึงตรงเวลา ไม่ทันหิวมากก็ได้กินแล้ว
การนั่งเขาจัดให้พระ 1 โต๊ะ
ชี 2 คน 1 โต๊ะ
เราไม่รู้ว่าอาหารเขาจะจัดสรรยังไง แต่ที่แน่นอนคือวันที่สองของการเดินทางเขาให้ฆราวาสไปนั่งโต๊ะชีด้วย
ก็เลยยังสามโต๊ะเหมือนเดิม แต่จำนวนคนที่นั่งก็กระจายออกไป
เขาบอกว่าไม่งั้นอาหารโต๊ะของแม่ชีจะเหลือ และอาหารได้ไม่ครบทุกอย่าง ก็โอเคนะ
เป็นการจัดการที่ดี (บวก +1)
อาหารก็อร่อยแบบร้านอาหารระดับดีๆ
แต่ก็มีเนื้อมากกว่าผักจึงลำบากหน่อยสำหรับมื้อแรกของ link เขาก็เขี่ยเลือกเอาผักที่มี
(คงมีคนบอกเล้ง เพราะมื้อต่อไปเธอมาบอกที่โต๊ะว่าจะเพิ่มผัดผักให้) อาหารที่นี่ทุกมื้อจะโชว์กุ้งให้เด่น
กุ้งเขาคงราคาถูกกว่าไทย ก็มีปลา หมู ไก่ ครบ ไม่เจอปู หอย ส่วนปลาหมึกเคยเจอครั้งเดียว
ตามคาดอาหารมื้อแรกเหลือหลายอย่าง พวกหมู ไก่ เหลือเกือบทั้งจาน
เรานั่งมองแล้วรู้สึกเสียดายหากต้องเททิ้ง เพราะเห็นเขาเก็บกวาดโต๊ะข้างๆอย่างรวดเร็ว
ภาพที่เห็นข้างล่างก็กลับเข้ามาในความคิด เราเลยตัดสินใจมองซ้ายขวา
บอกกับตัวเองว่าหากมีความปรารถนาดีก็ทำไม่ต้องอาย คนนอกช่างเขา
คนที่มาด้วยกันเขาเห็นจะเข้าใจเอง อย่าให้ความรู้สึกคิดแทนทำให้เราไม่ทำ และอีกอย่างที่เราจะคิดเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนตัดสินใจคือการทำกับการไม่ทำอันไหนมีทุกข์กว่ากัน
งานนี้ไม่ทำแล้วทุกข์ เลยตัดสินใจ หันไปหยิบแก้วกระดาษที่เขามีไว้ใส่กาแฟ หยิบหมู
ไก่ ฯ อาหารที่เหลือใส่ในแก้ว มีคนร่วมโต๊ะที่เพิ่งร่วมโต๊ะกันเขาก็มองนะ
มีคนเอ่ยถามออกมาเราก็บอกว่าเอาไปให้ที่ยืนรอข้างล่าง เขาเข้าใจและช่วยไปเอาที่โต๊ะแม่ชีมารวมด้วย
บางคนยังใช้สายตามองอยู่..ไม่เป็นไร บทเรียนวันแรก “ทำให้เห็น อะไรที่ดีก็ทำไป”
หน้าร้านอาหารจะเจอเด็กผูหญิง ชาย ที่เห็นประมาณ 5-6 คู่
อุ้มเด็กเล็กๆมาขอเงิน หรือ??
|
เมื่อเดินลงข้างล่างก็เป็นไปตามคาด เราหิ้วหอบของลงไปก่อนที่จะลงถึงขั้นกระไดสุดท้ายก็มีมือยื่นมาขอ
หลายมือมากพร้อมเสียงที่ฟังไม่รู้เรื่อง
ให้แล้วเราต้องรีบขึ้นรถเพราะของที่เอาลงมาไม่ได้มีพอสำหรับทุกคน
เขาก็มีมายืนรอขอที่ข้างรถ เราก็เข้าใจนะ ชีวิตที่ต้องดิ้นรน
บางคนอาจคิดว่าไม่สมควรให้เพราะจะทำให้เขาเสียนิสัย เหมือนที่เราห้ามไม่ให้อาหารลิงหรือสัตว์บางชนิดเพราะมันจะเสียพฤติกรรมที่ไม่หาอาหารเอง
และจะคอยกินอาหารจากคนที่ไป หรือหากไม่ให้ก็แย่งชิง อันนี้ก็ต้องทำใจนะ ต้องมาอภิปรายกันอีกยาว เอาเพียงว่าหากเรามีอาหารดีๆเหลือจะทิ้งในเวลานั้น
และเห็นคนเขาหิวไม่มีเงินซื้อ ดูเข้าไปในดวงตาเขา
ความสุขเล็กๆของเขามาจากสิ่งที่เราหยิบยื่นให้ อย่างน้อยถ้าไม่คิดมากก็ต่อชีวิตที่มีหวัง..