มีคำถามที่น้องอจ.ถาม meepole ว่า "อจ.คิดหรือรู้สึกยังไงคะ กับการที่เราให้ของใครแล้วเขาคนนั้นเอาสิ่งของนั้นให้คนอื่นต่อ"
คำถามนี้มีนัย..เรื่องนี้มีเบื้องหลังเพราะ meepole เพิ่งเอาปฏิทินตั้งโต๊ะของท่านพุทธทาสไปแจกน้องอาจารย์ในโปรแกรม แล้วคงจะมีน้องอจ.คนหนึ่ง..คนที่อยากจะไปเที่ยวจีน-ฮ่องกงตอนที่กฟผ.ให้ทุนไปดูงานโรงงานไฟฟ้าแล้ว meepole เป็นคนไปเพราะคิดว่าจะไปเอาความรู้มาทำประโยชน์กับการศึกษาและสังคม (และไม่เคยคิดเรื่องเที่ยวที่นั่น เพราะไม่ไช่ประเทศที่ meepole อยากไป) ส่วนน้องอจ.คนนี้เท่าที่ทราบคือเขาคิดว่า meepole ไปแย่งเขา อันนี้ meepole พอเข้าใจความรู้สึกเขา แต่ไม่อยากโต้แย้ง หรืออธิบายเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการทำงานที่ต้องสำนึกหน้าที่เองและทำงานให้คุ้มกับเงินที่ไป ไม่ไช่การไปเที่ยว และหัวหน้าโปรแกรมให้ไป ไม่ได้ทำอะไรที่ข้ามขั้นหรืองุบงิบ เขาก็ไปว่า meepole ลับหลังเสียหายพอสมควร แต่บางประโยคก่อบาปกับตัวเขาเองมากไป และหากจะคิดมากขึ้นถึงกับเรียกได้ว่าเขาเป็นคนอกตัญญู.... เพราะมีหลายเรื่องที่ meepole เคยช่วยเขาไว้ ไม่ให้ถูกพิจารณา...หรือให้เขาใช้ชั่วโมงสอนร่วมโดยเขาไม่ต้องสอนเพราะ meepole ต้องการให้อจ.สิ่งแวดล้อมมี load การสอนมากถึงเกณฑ์ที่จะไม่ต้องเอาอจ.คนใดคนหนึ่งออก เพราะทุกคนเป็นอจ.สัญญาจ้าง ยกเว้น meepole ที่เป็นข้าราชการคนเดียว..(และเขามีโอกาสจะถูกเอาออกมากที่สุดในตอนนั้น ด้วยเรื่องของนศ.ด้วย)
เรื่องที่ได้ยินทุกคนรู้ว่าเขาเป็นคนเช่นใด เพราะน้องสาวเขาเองแท้ๆยังพูดว่าเขาเป็นคนที่ในครอบครัวไม่มีใครเอาด้วยแล้วเพราะเอาใจตัวเองมากไป ความคิดแคบ และ... แต่ในโปรแกรม meepole บอกทุกคนเสมอว่าให้อยู่แบบพี่น้อง อภัยได้ก็ทำ เข้าใจพื้นฐานเขาก็ให้อภัยกัน..อจ.คนนี้ตอน meepole สัมภาษณ์รับเขามามีคนเตือนแล้ว แต่ meepole คิดว่าคนเราขัดเกลากันได้ และที่สำคัญเขาอ้างการจะมาสอนที่นี่ด้วยต้องการดูแลบุพการี meepole จึงส่งเสริม ส่วนแท้จริงเขาทำหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา เพราะ meepole ให้โอกาสเขากตัญญู แต่เขาไม่ได้ทำก็อกุศลกรรมของเขา ...
เช่นกันเรื่องการไปดูงานนี้เขาเก็บเอาไปคิดปั้นจนเป็นปมในใจเขา ว่า meepole ไปแย่งโอกาสการไปเที่ยวตปท. เราทั้งสองมีจุดยืนของการไปที่ต่างกันมาก จน meepole ไม่คิดว่าเมื่ออธิบายเขาจะเข้าใจถึงคำว่า"เงินแผ่นดิน" ต้องลงสู่สังคมไม่ไช่ส่วนตัว แต่ meepole ก็ยังคงปฎิบัติกับเขาแบบคนอื่นๆต่อ แต่ตัวเขาเก็บไฟในใจ เมื่อ meepole ให้ของฝากหรือของขวัญเขาก็รับแต่อาจเอาไปให้คนอื่น..ซึ่งน้องๆในโปรแกรมคงทราบและเห็นหลายครั้งจึงแปลกใจและนำมาถามว่า meepole รู้สึกยังไง และรู้แล้วยังคงให้อีก??
คำตอบของ meepole คือ "ไม่เป็นไร ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะสิ่งของเมื่อเราให้เขาไปแล้วย่อมเป็นสิทธิของผู้รับ จะเอาไปทิ้ง ไปยกให้ใคร หรือวางไว้ตรงนั้นตลอดไปเขาก็ย่อมทำได้ เพราะเมื่อของออกจากมือเราแล้วก็เป็นของของผู้รับเราไม่ต้องไปยึดติดกับของ......ส่วนด้านอารมณ์ยิ่งไม่ต้องไปข้องเกี่ยวเพราะจิตขณะให้เป็นสำคัญ เราให้ด้วยความปรารถนาดี ด้วยเมตตา กรุณา ก็จบ ดีเกิดขึ้นดับเราแล้ว คนรับจะรับด้วยความรู้สึกอะไรเป็นเรื่องเขา ใจเราสำคัญที่สุด และเมื่อเขายอมรับไปแล้วเขาจะรู้สึกไม่ดีเขาก็เป็นทุกข์ เป็นอกุศลจิตของเขาเอง เราไม่ต้องไปรับรู้และที่สำคัญคือเราไม่มีทางจะไปรู้ความคิดของเขาว่าเขาคิดอะไร เขาอาจคิดว่าของที่เราให้เขาดีมากจนเขาอยากแบ่งปันให้คนดีๆคนอื่นได้มี หรือ.. ??" ครั้งต่อไป meepole ก็คงให้อีก จนกว่าวันหนึ่งเขาจะบอกว่า.."อจ.คะ ต่อไปนี้อจ.ไม่ต้องให้ของอะไรหนูอีกนะคะ " ก็จะหยุดให้ หุหุ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าเขาจะรับหรือไม่ แต่ meepole ก็ให้ได้คือ ให้อภัย แล้วก็จบ :)
เคยอ่านข้อเขียนนี้ของใครคนหนึ่ง meepole เก็บไว้เอามาลงในนี้ให้อ่านกันข้างล่าง
ความผิดบางสิ่ง
ถามว่าใครผิด .. ก็ไม่มีใครผิด
ต่างคนต่างมีเหตุผล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหนักหนา จนทำให้ต้องมองหน้ากันไม่ได้
แล้วยังไงต่อดี ???
ทางออกที่ดีอีกทางคือ
การให้อภัยตัวเองพร้อมๆ กับให้อภัยเพื่อนของเรา
ที่ว่าให้อภัยตัวเองก็คือ ให้อภัยที่มองเพื่อนในมุมมองของเราเพียงข้างเดียว
และให้อภัยเพื่อนที่ไม่ได้มองเห็นไปในทางเดียวกับเรา
เพราะที่สุดแล้ว
เราก็ต้องยอมรับในความเป็นตัวตนของแต่ละบุคคล
ถามว่าใครผิด .. ก็ไม่มีใครผิด
ต่างคนต่างมีเหตุผล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหนักหนา จนทำให้ต้องมองหน้ากันไม่ได้
แล้วยังไงต่อดี ???
ทางออกที่ดีอีกทางคือ
การให้อภัยตัวเองพร้อมๆ กับให้อภัยเพื่อนของเรา
ที่ว่าให้อภัยตัวเองก็คือ ให้อภัยที่มองเพื่อนในมุมมองของเราเพียงข้างเดียว
และให้อภัยเพื่อนที่ไม่ได้มองเห็นไปในทางเดียวกับเรา
เพราะที่สุดแล้ว
เราก็ต้องยอมรับในความเป็นตัวตนของแต่ละบุคคล